วันนี้ (14 มกราคม) บรรดาประชาชนจำนวนมากพากันเดินทางมายังบริเวณแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งหน้าวัดสังฆราชาวาส ต.บางมัญ อ.เมือง จ.สิงห์บุรี เพื่อรอเลขเด็ดจากเจ้าแม่ตะเคียน ที่ชุดนักประดาน้ำค้นพบบริเวณตอหม้อสะพาน สร้างความฮือฮาและแตกตื่นให้กับชาวบ้านและโดยเฉพาะคอหวยที่เดินทางกันมาไม่ขาดสาย
ทั้งนี้มีชาวบ้านชือว่า นางแก้วใจ สีทอง ได้เล่าถึงเรื่องดังกล่าวว่ามีชาวสุพรรณบุรีบอกว่ามีเจ้าแม่ตะเคียนทองไปเข้าฝันบอกว่าอยากขึ้นจากน้ำ ให้มาช่วยเหลือ และนำไปไว้ยังวัดฟูก ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี จากนั้นผู้ที่ฝันดังกล่าวได้เดินทางมาชี้จุดที่มีต้นตะเคียนอยู่ พร้อมทั้งนิมนต์พระมาอัญเชิญเจ้าแม่ตะเคียนขึ้นจากน้ำ นอกจากนี้ยังได้ประสานไปยังเรือจากกรมเจ้าท่าและชุดนักประดาน้ำมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง จ.พระนครศรีอยุธยา ให้เข้ามาช่วยเหลือในการค้นหาและนำต้นตะเคียนขึ้นจากน้ำ โดยใช้เวลาไปร่วม 3 ชั่วโมงก็ค้นพบและสามารถนำขึ้นมาบนฝั่งได้
เมื่อสามารถนำต้นตะเคียนของเจ้าแม่ตะเคียนขึ้นมาบนฝั่งได้แล้ว บรรดาคอหวยและชาวบ้านนั้นต่างพากันแห่เข้ากราบไหว้ขอโชคลาภ ทั้งขูดและถูหาเลขเด็ด แล้วเหตุการณ์ประหลาดก็เกิดขึ้น เมื่อมีสาวรายหนึ่งเกิดล้มฟุบลงจากนั้นเกิดอาการมือเท้าเกร็ง บรรดาชาวบ้านจึงพากันร้องบอกต่อกันไปว่า เจ้าแม่ตะเคียนประทับร่าง และร่างทรงหญิงสาวคนดังกล่าวก็ร้องไห้พร้อมกับพูดกับชาวบ้านว่าตนเองชื่อว่า แม่จันทรา เป็นพี่สาวของแม่จันหอม ให้ช่วยขึ้นจากน้ำด้วย พร้อมกับยืนชี้จุดบอกให้ไปค้นหาต้นตะเคียนอีกต้นที่อยู่เหนือขึ้นไปจากที่พบต้นเดิม หลังจากนั้นก็พูดว่า หนาวจังเลย พร้อมกับโผเข้ากอดต้นตะเคียนที่นำขึ้นมาก่อนหน้านี้ ที่ได้รับการอ้างว่าเป็นน้องสาว
หลังจากนั้นทีมนักประดาน้ำจึงได้ทำการลงไปค้นหาอีกเป็นรอบที่สอง และก็เจอไม้ตะเคียนจริงๆ จมอยู่ใต้น้ำตามที่ร่างทรงบอก จากนั้นได้นำขึ้นมาไว้บนฝั่งและนำมาวางไว้คู่กัยตะเคียนต้นแรก
หลังจากนั้นบรรดาคหวยต่างพากันเข้าขอเลขเด็ดกับร่างทรงเนื่องจากเชื่อว่าเป็้นเจ้าแม่ตะเคียนมาประทับร่างจริงๆ และร่างทรงก็ได้บอกเลขเด็ดให้กับชาวบ้านและคอหวยทั้งหลายได้ทราบ คือเลข 102 บรรดาชาวบ้านที่มาขอเลขเด็ดต่างพากันร้องตะโกนด้วยความดีใจ และกรูกันไปหาซื้อลอตเตอรี่
ทั้งนี้ต้นตะเคียนที่ค้นพบดังกล่าวจะถูกนำไปไว้ที่ ที่วัดฟูก ต.ท่าข้าม อ.ค่ายบางระจัน ตามความประสงค์ของเจ้าแม่ตะเคียน และให้ชาวบ้านได้กราบไหว้บูชาขอโชคลาภกันต่อไป
ขอบคุณแหล่งที่มาข่าวและภาพจาก : ไทยรัฐออนไลน์
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น